ทุกวันนี้ ถ้าคุณมีโอกาสไปเที่ยวกรุงโตเกียว อาซาบุไดฮิลล์เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ควรใส่ไว้ในแผนการท่องเที่ยวญี่ปุ่น สถานที่นี้เป็นการพัฒนาแบบมิกซ์ยูสที่โดดเด่นในกรุงโตเกียว โครงการพัฒนาใหม่นี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้ๆ กับรปปงงิ และโตเกียวทาวเวอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่กลางเมืองที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด การพัฒนานี้ได้กลายเป็นเนินจำลองขนาดใหญ่ที่ผสานทั้งความเป็นธรรมชาติ ความเป็นหมู่บ้าน และมีตึกระฟ้าที่สูงที่สุดของโตเกียวและของญี่ปุ่นอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
ความพิเศษของอาซาบุไดฮิลล์คือการสร้าง ‘เนินแห่งอนาคต’ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใช้ความเป็นย่านที่ผสมผสานเข้ากับสถาปัตยกรรมและความต้องการของพื้นที่เมือง เนินแห่งนี้จึงเป็นพื้นที่ของการอยู่อาศัย มีพื้นที่พักอาศัย โรงเรียน พื้นที่ชอปปิ้ง รวมถึงตึกระฟ้า โดยเนินทั้งเนินเชื่อมต่อผู้คนเข้าหากันด้วยพืชพรรณและพื้นที่สีเขียว หนึ่งในจุดเด่นสำคัญในการจินตนาการย่าน (district) คือการใช้หลังคาที่มีความสวยงามเหมือนกับผืนผ้าที่ทอดตัวลง และใช้หลังคาเป็นเหมือนพื้นที่ส่วนกลางที่พาผู้คนเชื่อมโยงเข้าหากัน
ความเป็นย่านที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยเนินที่ดูทั้งล้ำสมัยและเขียวขจีนี้ เป็นจุดเด่นของสตูดิโอ Heatherwick Studio ซึ่งเชี่ยวชาญการออกแบบพื้นที่เมืองผสานเข้ากับสุนทรียะของเส้นสายและสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ร่วมกับความเป็นธรรมชาติ ย่านนี้มีความสัมพันธ์กับการพัฒนาของอาซาบุไดฮิลล์ที่เป็นพื้นที่อยู่อาศัยแต่เดิมซึ่งทาง Mori Building เข้าไปพัฒนาตั้งแต่ปี 1989 จากย่านที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนเก่าๆ และขาดสาธารณูปโภค สู่ย่านที่นิยามการอยู่อาศัยแห่งอนาคต
การพัฒนาเนินแห่งนี้จึงใช้เวลายาวนานกว่า 30 ปี จากย่านที่การพัฒนาเข้าไม่ถึง บ้านไม้ดั้งเดิม และตรอกแคบๆ การพัฒนาที่ยาวนานนี้มีผู้อยู่อาศัยกว่า 300 รายเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทาง จนในที่สุด หนึ่งในพื้นที่ย่านที่หลงเหลือของโตเกียวได้กลายเป็นหนึ่งในการพัฒนาต้นแบบที่มุ่งตอบคำถามว่า ‘เมืองแห่งอนาคตควรเป็นอย่างไร’ และ ‘แก่นแท้ของเมืองคืออะไร’ ที่นี่จึงเป็นพื้นที่ที่ผู้คนอยู่อาศัย ใช้ชีวิต และทำงานอยู่ในย่านเดียวกัน
หัวใจของการอยู่อาศัยใหม่คือสุขภาพและพื้นที่สีเขียว ความสวยงามของเนินจำลองคือการผสานกลุ่มอาคารเตี้ยๆ ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ พื้นที่หลังคาที่ทอดตัวขึ้นลงและเชื่อมโยงกันจนกลายเป็นลานสาธารณะสีเขียวอันเป็นหัวใจของโครงการ เนินใหญ่ของโครงการค่อยๆ ลดหลั่นและถักสานจนเป็นหอคอยหรือตึกสูงทั้งสามอาคาร หนึ่งในนั้นคือ Azabudai Hills Mori JP Tower ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดของญี่ปุ่นในขณะนี้
นอกจากเนินที่เต็มไปด้วยพื้นที่สำคัญที่ตอบสนองชีวิตเมืองแล้ว อาซาบุไดฮิลล์ยังได้รับการพัฒนาให้กลายเป็นย่านใหม่ที่มีสาธารณูปโภคครบครัน ตัวย่านนี้ยังออกแบบมาเพื่อสอดคล้องกับพื้นที่ใกล้เคียง เขตที่อาซาบุไดตั้งอยู่มีความเป็นนานาชาติ เพราะมีสถานทูตอยู่ใกล้เคียง ทางตะวันตกติดกับย่านพักอาศัยและพื้นที่ทางวัฒนธรรมอย่างรปปงงิ ทางตอนใต้ติดกับย่านธุรกิจสำคัญ อาซาบุไดจึงถูกออกแบบให้เป็นย่านที่เชื่อมโยงพื้นที่ต่างๆ เข้าหากัน เป็นทั้งพื้นที่ค้าปลีกและพื้นที่ชุมชนที่ผสมผสานกัน ซึ่งยังรองรับการเดินทางของคนทำงานที่สามารถสัญจรและจับจ่ายใช้สอยได้โดยไม่ต้องถือร่ม
หลังจากการพัฒนาย่านที่มีความสำคัญที่หลงเหลืออยู่ ด้วยการลงทุนอย่างจริงจังจากบริษัทพัฒนาญี่ปุ่น ร่วมกับนักออกแบบระดับโลก ทำให้อาซาบุไดฮิลล์กลายเป็นโครงการอยู่อาศัยที่ผสานความเป็นธรรมชาติเข้ากับความเป็นเมือง ได้อย่างลงตัว ทุกวันนี้อาซาบุไดฮิลล์มีชื่อเสียงในฐานะพื้นที่หย่อนใจเขียวขจี สถาปัตยกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจ และเป็นแหล่งศิลปะที่สำคัญ
นอกจากนี้ ที่อาซาบุไดฮิลล์ยังมีงานศิลปะและพื้นที่ทางวัฒนธรรม เช่น หอศิลป์และร้านหนังสือ โดยเป็นพื้นที่ใหม่ของ teamLab Borderless ซึ่งเป็นพื้นที่ศิลปะล้ำสมัยที่ผสมผสานพื้นที่กายภาพ ความเป็นธรรมชาติ และเทคโนโลยี เช่น แสงและการโปรเจคภาพ สร้างประสบการณ์ศิลปะแบบใหม่ที่น่าตื่นเต้นให้ผู้มาเยี่ยมชมได้สัมผัสกัน
อ้างอิงข้อมูล และรูปภาพจาก
https://www.archdaily.com
https://www.dezeen.com