ทั้งสีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน ล้วนแต่เป็นสีสดใส เห็นอาคารสีสันแบบนี้ใครจะไปคิดว่ากลุ่ม user ผู้ใช้งานหลักจะเป็นผู้พิการทางสายตา วันนี้ผมขอพาทุกคนมาเยี่ยมชมอาคารที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งที่ปกติแล้วน้อยคนที่จะมีโอกาสเข้ามา เพราะที่นี่คือโรงเรียนเฉพาะทาง “โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ” หรือ The Bangkok School for the Blind ตึกนี้เป็นตึกโมเดิร์นอีกหลังหนึ่งที่เป็นผลงานของสถาปนิกศิลปินแห่งชาติ คุณสุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา
โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพก่อตั้งโดยมิสเจเนวิฟ คลอฟิลด์ สตรีตาบอดชาวอเมริกัน นับว่าเป็นโรงเรียนสอนเด็กพิการแห่งแรกในประเทศไทย เริ่มแรกมิสเจเนวิฟ เช่าบ้านหลังเล็กๆ แถวซอยคอชเช่ ศาลาแดง เพื่อใช้เป็นโรงเรียนเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2482 ต่อมามีนักเรียนมากขึ้นก็ได้ย้ายไปอยู่ต่างที่ต่างๆ จนในที่สุดได้มาเช่าที่ดินแถวแยกตึกชัยนี้สร้างเป็นโรงเรียนขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2492 เป็นโรงเรียนเอกชนการกุศลมีทั้งนักเรียนประจำและไปกลับตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึง ป.6 นอกจากสอนหนังสือตามหลักสูตรแล้วยังได้ส่งเสริมด้านอาชีพเพื่อให้นักเรียนมีความพร้อมสู่โลกภายนอก
อาคารแห่งนี้สูงเพียง 3 ชั้น เป็นตึกแนวยาววางอาคารตามแนวทิศตะวันออกตะวันตก ตั้งอยู่ริมถนนราชวิถีไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมินัก เมื่อแรกสร้างนั้น (พ.ศ.2514) แถวนี้ยังเป็นที่โล่งๆ ทำให้ตัวอาคารที่มีสีสันสดใสนี้ค่อนข้างโดดเด่นสะดุดตาเลยทีเดียว คุณสุเมธ สถาปนิกผู้เคยตอบข้อสงสัยให้ฟังว่าทำไมถึงออกแบบให้อาคารนี้สีค่อนข้างสด จนเรียกได้ว่าเกือบจะเป็นแนวความคิดหลักในการออกแบบเลยทีเดียว ก็เพราะว่ายิ่งสร้างอาคารให้ผู้พิการทางสายตาใช้ ยิ่งต้องเน้นสีสดใสสดชื่นเพราะผู้พิการบางระดับอาจมีการมองเห็นแบบเลือนราง การเพิ่มความสดของเนื้อสีอาจจะช่วยกระตุ้นการมองเห็นได้มากกว่า
แต่ก็ไม่ได้ละเลยเรื่องความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่ต้องออกแบบให้รัดกุม ป้องกันการเดินการเดินชนสิ่งกีดขวางบางอย่างด้วยการดีไซน์หมุดกลมเล็กๆ ฝังไว้ที่พื้นรอบสิ่งต้องระวัง เช่น โคนเสา ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภัยให้ผู้ใช้งานเดินหลีกเลี่ยงได้
นอกจากนี้ถ้าเราสังเกตดีจะเห็นว่ารูปแบบของหน้าตัดคานและเสาก็ดูแปลกตากว่าที่เคยเห็น นั่นเป็นเพราะเทคนิคการก่อสร้างที่เรียกว่า pre-fabrication หรือการก่อสร้างแบบสำเร็จรูป นำเสาหรือคานที่หล่อคอนกรีตสำเร็จเรียบร้อยแล้วยกมาติดตั้ง ทำให้ใช้เวลาก่อสร้างไม่นาน ทุกอย่างมีระบบและขั้นตอนติดตั้งอย่างรวดเร็ว ซึ่งในช่วงยุคสมัยนั้นการก่อสร้างระบบนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องใหม่ในวงการ แต่สถาปนิกก็เลือกนำมาใช้จนเกิดเป็นอาคารที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร
ไม่รู้ว่าความสดใสของสีสันเหล่านี้จะส่งต่อไปยังนักเรียนผู้ใช้อาคารได้แค่ไหน แต่อย่างน้อยการมีสถานศึกษาทางเลือกไว้เพื่อกลุ่มคนที่หลากหลาย ผมว่าก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่ทำให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงระบบการเรียนรู้ ที่สำคัญคนตาดีอย่างเราก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างๆจากน้องๆเหล่านี้ด้วย